บันทึกการเรียนครั้งที่ 3
วันนี้อาจารย์ได้สอนต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว ในเรื่องของเด็กที่มีความบกพร่องทางร่ายกาย ลักษณะของอาการ ของโรคต่างๆ คือ ซีพี หรือ ซีรีรัล พัลซี กล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ โปลิโอ
แขนขาด้วนแต่กำเนิด โรคกระดูกอ่อน และก็เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายที่มักจะพบบ่อย เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และภาษา
เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หมายถึง บุคคลที่มีปัญหาทางการเคลื่อนไหวอวัยวะไม่สมส่วน อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนขาดหายไป กระดูกและกล้ามเนื้อพิการ เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง มีความพิการของระบบประสาท มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการจัดการศึกษาในสภาพปกติและต้องอาศัยการฝึกฝน การใช้เครื่องมือ วัสดุ
อุปกรณ์หรือต้องการเครื่องอำนวยความสะดวกเข้าช่วย
ลักษณะอาการ
อาการที่บกพร่องทางร่างกาย ที่มักพบบ่อย ได้แก่
1. ซีพี หรือ
ซีรีรัล พัลซี (C.P. : Cerebral Passy) หมายถึง
การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการหรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด
อันเนื่องมาจากการขาดอากาศ ออกซิเจนฯ เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่างๆ
ของสมองแตกต่างกัน ที่พบส่วนใหญ่ คือ
-อัมพาตเกร็งของแขนขา หรือครึ่งซีก (Spastic)
-อัมพาตของลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Athetoid) จะควบคุมการเคลื่อนไหวและบังคับไปในทิศทางที่ต้องการไม่ได้
-อัมพาตสูญเสียการทรงตัว (Ataxia) การประสานงานของอวัยวะไม่ดี
-อัมพาตตึงแข็ง (Rigid) การเคลื่อนไหวแข็งช้า
ร่างการมีการสั่นกระตุกอย่างบังคับไม่ได้
-อัมพาตแบบผสม (Mixed)
2.กล้ามเนื้ออ่อนแรง
(Muscular Distrophy) เกิดจากประสาทสมองที่ควบคุมส่วนของกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ
เสื่อมสลายตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้กล้ามเนื้อแขนขาจะค่อย ๆ อ่อนกำลัง
เด็กจะเดินหกล้มบ่อย
3.โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic) ที่พบบ่อย ได้แก่ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด
เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน
อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection)
เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
มีความพิการเนื่องจากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
4.โปลิโอ (Poliomyelitis)
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกายทางปาก
แล้วไปเจริญต่อมน้ำเหลืองในลำคอ ลำไส้เล็ก
และเข้าสู่กระแสเลือดจนถึงระบบประสาทส่วนกลาง
เมื่อเซลล์ประสาทบังคับกล้ามเนื้อถูกทำลาย
แขนหรือขาจะไม่มีกำลังในการเคลื่อนไหว
5.แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency) รวมถึงเด็กที่เกิดมาด้วยลักษณะของอวัยวะที่มีความเจริญเติบโตผิดปกติ
เช่น นิ้วมือติดกัน 3-4 นิ้ว มีแค่แขนท่อนบนต่อกับนิ้วมือ
ไม่มีข้อศอก หรือเด็กที่แขนขาด้วนเนื่องจากประสบอุบัติเหตุ
และการเกิดอันตรายในวัยเด็ก
6.โรคกระดูกอ่อน (Osteogenesis Imperfeta) เป็นผลทำให้เด็กไม่เจริญเติบโตสมวัย ตัวเตี้ย
มีลักษณะของกระดูกผิดปกติ กระดูกยาวบิดเบี้ยวเห็นได้ชุดจากระดูกหน้าแข็ง
ความบกพร่องทางสุขภาพ
ที่มักพบบ่อย ได้แก่
1. โรคสมชัก (Epilepsy) เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมองที่พบบ่อยมีดังนี้
1.1 ลมบ้าหมู (Grand Mal)
-
เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึก
ในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
- การชักในช่วงเวลาสั้นๆ (Petit Mal)
- มีอาการ ชักชั่วระยะสั้นๆ5-10
วินาที
-
เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงัก ในท่าก่อนชัก
- เด็กจะนั่งเฉย
หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
1.2 การชักในช่วงสั้นๆ(Petit Mal)
1.3 การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
- เมื่อเกิดอาการชัก
เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราวๆ 2-5 นาที
จากนั้นจะหาย และ นอนหลับไปชั่วครู่
1.4 อาการชักแบบพาร์ชัล คอมเพล็กซ์ (Partial Complex)
- เกิดอาการเป็นระยะๆ
- กัดริมฝีปาก
ไม่รู้สึกตัว ถูตามแขนขา เดินไปมา
- บางคนอาจเกิดความโกรธ
หรือโมโห หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
1.5 อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
-
เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว
อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
2.โรคระบบทางเดินหายใจโดยมีอาการเรื้อรังของโรคปอด
(Asthma) เช่น หอบหืด วัณโรค
ปอดบวม
3.โรคเบาหวานในเด็ก เกิดจากร่างกายไม่สามารถใช้กลูโคสได้อย่างปกติ เพราะขาดอินชูลิน
4.โรคข้ออักเสบรูมาตอย
มีอาการปวดตามข้อเข่า ข้อเท้า ข้อศอก ข้อนิ้วมือ
5.โรคศีรษะโต เนื่องมาจากน้ำคั่งในสมอง ส่วนมากเป็นมาแต่กำเนิด
ถ้าได้รับการวินิจฉัยโรคเร็วและรับการรักษาอย่างถูกต้องสภาพความพิการจะไม่รุนแรง
เด็กสามารถปรับสภาพได้และมีพื้นฐานทางสมรรถภาพดีเช่นเด็กปกติ
6.โรคหัวใจ (Cardiac
Conditions) ส่วนมากเป็นตั้งแต่กำเนิด
เด็กจะตัวเล็กเติบโตไม่สมอายุ ซีดเซียว เหนื่อยหอบง่าย อ่อนเพลีย
ไม่แข็งแรงตั้งแต่กำเนิด
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
-ท่าเดินคล้ายกรรไกร
-เดินขากะเผลก หรือ
อึดอาดเชื่องช้า
-ไอเสียงแห้งบ่อยๆ
-มักบ่นเจ็บหน้าอก
บ่นปวดหลัง
-หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปาก หรือ ปลายนิ้ว
-หกล้มบ่อยๆ
-หิวและกระหายน้ำอย่างเกินกว่าเหตุ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และภาษา (Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่พูดไม่ชัด
ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น การใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นไปดังตั้งใจ
มีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูด
1.ความผิดปกติด้านการออกเสียง
-ออกเสียงผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
-เพิ่มหน่วยเสียงเข้าในคำโดยไม่จำเป็น
-เอาเสียงหนึ่งมาแทนอีกเสียงหนึ่ง
เช่น กวาด เป็นฟาด
2.ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
3.ความผิดปกติด้านเสียง
-ระดับเสียง
-ความดัง
-คุณภาพของเสียง
4.ความผิดปกติทางการพูด
และภาษาอันเนื่องมาจาก พยาธิ สภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า (Dysphasia หรือ aphasia) มีดังนี้
4.1 Motor aphasia
-เด็กที่เข้าใจคำถาม
หรือคำสั่ง แต่พูดไม่ได้ ออกเสียงลำบาก
-พูดช้าๆพอพูดตามได้บ้างเล็กน้อย บอกชื่อสิ่งของพอได้
-พูดไม่ถูกไวยากรณ์
4.2 Wernicke 's apasia
-เด็กที่ไม่เข้าใจคำถาม
หรือคำสั่งได้ยินแต่ไม่เข้าใจ ความหมาย
-ออกเสียงไม่ติดขัด
แต่มักใช้คำผิดๆ หรือใช้คำอื่นซึ่งไม่มีความหมายมาแทน
4.3 Conduction aphasia
-เด็กที่ออกเสียงได้ไม่ติดขัด เข้าใจคำถามดี แต่พูดตาม หรือ
บอกชื่อสิ่งของไม่ได้ มักเกิดร่วมไปกับอัมพาตของร่างกายซีกขวา
4.4 Nominal aphasia
-เด็กที่ออกเสียงได้
เข้าใจคำถามดี พูดตามได้ แต่บอกชื่อวัตุไม่ได้เพราะลืมชื่อ
บางทีก็ไม่เข้าใจความหมายของคำ มักเกิด ร่วมไปกับ Gerstmann's
syndrome
4.5 Global aphasia
-เด็กที่ไม่เข้าใจทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน
-พูดไม่ได้เลย
4.6 Sensory agraphia
-เด็กที่เขียนเองไม่ได้
เขียนตอบคำถาม หรือ เขียนชื่อวัตถุ ก็ ไม่ได้ มักเกิดร่วมกับ Gerstmann's syndrome
4.7 Motor agraphia
-เด็กที่ลอกตัวเขียน
หรือ ตัวพิมพ์ ไม่ได้
-เขียนตามคำบอกไมได้
4.8 Cortical alexia
-เด็กที่อ่านไม่ออก
เพราะไม่เข้าใจภาษา
4.9 Motor alexia
-เด็กที่เห็นตัวเขียนหรือตัวพิมพ์ เข้าใจความหมาย แต่อ่านออกเสียงไม่ได้
4.10 Gerstmann's syndrome
-ไม่รู้ชื่อนิ้ว (Finger agnosia)
-ไม่รู้ชี้ซ้ายขวา (Allochiria)
-คำนวณไม่ได้ (Acalculia)
-เขียนไม่ได้ (Agraphia)
-อ่านไม่ออก(Alexia)
4.11 Visual agnosia
-เด็กที่มองเห็นวัตถุ
แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร บางทีบอกชื่อนิ้วตัวเองไม่ได้
4.12 Auditory agnosia
-
เด็กที่ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยิน แต่แปลความหมายของคำ
หรือประโยคที่ได้ยินไม่เข้าใจ
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
-ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบาๆ และอ่อนแรง
-ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ
10เดือน
-ไม่พูดภายในอายุ 2ขวบ
-หลัง 3 ขวบ
แล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
-ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
-หลัง 5 ขวบ
เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถาศึกษา
-มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
-ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น